รายงานการศึกษา : ถึงเวลามหา’ลัย ทรานส์ฟอร์ม ปรับตัวรับมือยุค ‘ดิสรัปชั่นเทคโนโลยี’

รายงานการศึกษา ถึงเวลามหา’ลัย ทรานส์ฟอร์ม ปรับตัวรับมือยุค ‘ดิสรัปชั่นเทคโนโลยี’ เข้าสู่ช่วงปรับตัวขนานใหญ่ หลังเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

การศึกษา ทำให้เห็นจุดอ่อนและจุดแข็งของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะอุดมศึกษา ที่ต้องเร่งเครื่องให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่มหาวิทยาลัย หัวใจสำคัญของการผลิตกำลังคนหลายแห่งยังปรับตัวไม่ทัน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพบัณฑิตที่ไม่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และไม่ตอบโจทย์สังคมโลก นพ.อุดม คชินทร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) วิเคราะห์ จุดอ่อน จุดแข็งอุดมศึกษาไทยกับความท้าทายหลังวิกฤตโควิด-19 ไว้อย่างน่าสนใจว่า ขณะนี้เราอยู่ในช่วงดิสรัปชั่น และไม่ใช่ดิสรัปชั่นธรรมดา แต่เป็นดับเบิลดิสรัปชั่น จากความเปลี่ยนแปลงของโลก ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา สวนทางกับมหาวิทยาลัยมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้า ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เห็นหลายอย่างชัดมาก อย่างแรก เราสร้างนวัตกรรมและสินค้าที่มีเทคโนโลยีสูงได้น้อย คุณภาพไม่ดี คนตกงานจำนวนมาก มีกำลังคนมีทักษะ สมรรถนะ ทัศนคติ ไม่ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่อุดมศึกษา ซึ่งทุกวันนี้ไม่ตอบโจทย์ของประเทศ/โลกในยุค Disruptive Technologies เพราะฉะนั้น หากอุดมศึกษายังผลิตบัณฑิตด้วยระบบเก่า ก็จะไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ส่วนตัวมีโอกาสได้คุยกับผู้บริหารภาคเอกชน พบว่าหลายแห่งสร้างอคาเดมี ผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง เหตุผลเพราะเขาพึ่งมหาวิทยาลัยไม่ได้ ถ้ามหาวิทยาลัยไม่ปรับตัว ภาคเอกชนจะเข้ามาทำหน้าที่ผลิตกำลังคนแทน อุดมศึกษาในอนาคต โดยเฉพาะยุคหลังโควิด-19 ต้องเน้นว่า เมื่อจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่ใช่มีแต่ความรู้ แต่ต้องสามารถนำความรู้ไปพัฒนาคุณภาพชีวิต และช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้ ขณะที่เป้าหมายใหม่ของการเรียนรู้ คือ ต้องนำความรู้ไปสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยี นักศึกษาและอาจารย์ต้องปรับมายด์เซตใหม่ จะเป็นเช่นนี้ได้ ต้องเน้นเรียนรู้จากการทำงาน ตั้งคำถามให้เกิดการวิเคราะห์ กระตุ้นให้เกิดจินตนาการเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ นำไปสู่การสร้างนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันให้สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในองค์กรและโลก เพื่อสร้างกำลังคนสำหรับบริบทโลกใหม่ เป็นนิวแมนเพาเวอร์ ความท้าทายของอุดมศึกษาในอนาคต ยังต้องรับมือกับการขยายตัวของ Gig Economy หรือระบบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากงานแบบครั้งคราว ซึ่งตรงกับบริบทของเด็กในยุคใหม่ ที่นิยมทำงานเป็นฟรีแลนซ์ไม่ผูกมัด

รายงานการศึกษา ถึงเวลามหา’ลัย ทรานส์ฟอร์ม ปรับตัวรับมือยุค ‘ดิสรัปชั่นเทคโนโลยี’

บวกกับเทคโนโลยีที่เข้ามา ทำให้สร้างเงินได้มหาศาล ประกอบกับความเชื่อที่ว่าวุฒิการศึกษาระดับสูงในปัจจุบัน ไม่สามารถการันตีรายได้ในอนาคต

อีกทั้งการเรียนต่อมหาวิทยาลัยมีค่าใช้จ่ายสูง และผลผลิตไม่ตอบโจทย์ของตลาดแรงงาน ข่าวการศึกษา บริษัทต่างๆ รับคนเข้าทำงานโดยไม่สนปริญญา เด็กเข้ามหาวิทยาลัยลดลง ประกอบกับอัตราการเกิดที่น้อยลงเรื่อยๆ ถ้ามหาวิทยาลัยไม่ปรับตัว ให้ตรงกับความต้องการของเด็ก แล้วใครจะมาเรียน จะมานั่งรอรับเด็กจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้ามาเรียน คงไม่ได้แล้ว ยิ่งถ้าสอนแต่วิชาการยิ่งไม่ตอบโจทย์ หากยังสอนแบบเดิม มหาวิทยาลัยจะไม่มีที่ยืน ตอนนี้บริษัทเอกชนไม่ดูแล้วว่าบัณฑิตจบจากไหน แต่จะรับคนเข้าทำงานจากสมรรถนะว่าสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้องค์กรได้หรือไม่ หากมีความสามารถพอ ไม่ว่าจะจบ ป.4 หรือ ป.6 เขาก็รับ ดังนั้น การศึกษาต่อไปข้างหน้าจะไม่เหมือนเดิม นพ.อุดมกล่าว ทั้งหมดนี้สอดรับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับใหม่ ที่จะเริ่มใช้ปี 2566 ซึ่งบอกไว้ชัดเจนว่า ต้องการพลิกโฉมประเทศไทย ตามแนวทาง 13 หมุดหมายสำคัญ โดยหมุดหมายที่ 12 กำหนดว่า ไทยจะมีกำลังคนสมรรถนะสูง เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต มีเป้าหมาย 3 ประการ คือ พัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างเต็มศักยภาพ 2.พัฒนากำลังคนให้ตรงตามความต้องการของภาคการผลิตเป้าหมาย และ3.ส่งเสริมการเข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิตมหาวิทยาลัยต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง อย่างแรกต้องปรับมายด์เซต เปลี่ยนจากซัพพลายไซต์ เป็นดีมานด์ไซต์ เรียนรู้จากการทำงานจริง สุดท้ายโครงสร้างมหาวิทยาลัยจะต้องเล็กลง ตึกสูงๆ อาจไม่จำเป็น เพราะนักศึกษาไม่จำเป็นต้องเข้ามาเรียนในพื้นที่ แต่สามารถเรียนได้จากทุกที่ผ่านอินเตอร์เน็ต และอย่างน้อย 50% ต้องไปเรียนในสถานประกอบการ กำแพงระหว่างคณะจะต้องลดลง ที่สำคัญ และอยากเห็นคือ การรวมตัวเป็นคลัสเตอร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เพราะแต่ละแห่งก็มีความเก่งและเชี่ยวชาญไม่เหมือนกันสุดท้ายมหาวิทยาลัยต้องทรานส์ฟอร์มเป็น เลิร์นนิ่ง สเปซ ที่ไม่ว่าใครก็เข้ามาเรียนได้ และสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยรอดจากภาวะวิกฤตโควิด-19 และสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ คือ การวิจัยและพัฒนา เพราะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เห็นชัดเจนว่า ประเทศไทยมีจุดบอดทุกด้าน มหาวิทยาลัยต้องออกจากคอมฟอร์ตโซน เปิดพื้นที่การเรียนรู้ ผลิตคนให้ตอบโจทย์ประเทศและโลก

แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ‘ตรีนุช’ ดัน สอศ.ทำข้อตกลง 5 สภารุกอาชีวะทวิภาคียั่งยืน